Author Archives: thanapongkitwechakun.6te.net

.44 วินเชสเตอร์ 1866

การใส่กระสุนปืนยาว .44 วินเชสเตอร์ 1866 (คานเหวี่ยงสวยมากๆ)

เมื่อศตวรรษที่ 19 ในยุคนั้นสหรัฐเกิดสงครามกลางเมือง (Civil War 1861-1865 เป็นผลมาจากการประกาศเลิกทาสของ อับราฮัม ลินคอล์น อันนี้ไม่ใช่ประเด็นโละทิ้ง )
โอลิเวอร์ วินเชสเตอร์ (Oliver Winchester) พ่อของ วิลเลี่ยม วินเชสเตอร์ ได้เริ่มผลิตปืน Henry Rifle ขายให้กับทางรัฐบาล มันเป็นปืนทันสมัยอานุภาพสูง ใส่ลูกปืนได้ง่าย และยิงได้หนึ่งนัดในทุก 3 วินาที นับเป็นปืนยาวรุ่นแรกที่ยิงได้ต่อเนื่อง เมื่อปืนคือปัจจัยที่ห้า ธุรกิจค้าปืนของ โอลิเวอร์ วินเชสเตอร์ จึงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
แน่นอน ปืนของเขาได้ถูกใช้สู้รบ ในสงคราม (คงไม่เอาไปนอนกอด หรือ เอาไปโพสถ่ายรูปลง Facebook หรอก) กลางเมืองของสหรัฐ
และมีคนตาย นับแสน จากปืนของเขา โอลิเวอร์ วินเชสเตอร์ ได้เงินจากการค้าอาวุธ แต่มันเป็นเงินที่ได้มากจาก ซากศพและชีวิตของมนุษย์!!!

ต่อมา ในปี 1873 บริษัทวินเชสเตอร์ได้คิดค้นปืนแบบใหม่ Winchester M1873 เป็นปืนแบบคานเหวี่ยง โครงปืนเหล็ก ใช้กระสุน .44 บรรจุกระสุนได้หลายนัดและยิงซ้ำได้เร็ว ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในสมัยยุคคาวบอยควงปืนบุกเบิกดินแดนตะวันตก จนถึงกับมีการเรียกปืนไรเฟิลรุ่นปี 1873 ของวินเชสเตอร์ว่า “The Gun That Won The West” หรือแปลเป็นไทยเท่ห์ๆว่า “โครตปืนพิชิตตะวันตก” และในขณะเดียวกันมันก็แพร่หลายไปทั่ว ไม่เฉพาะเพียงในอเมริกาเท่านั้น ยังเป็นที่นิยมไปถึงประเทศอื่นๆ จนเกือบทั่วโลกอีกด้วย ผลกำไรจากธุรกิจการค้าอาวุธทำให้ ตระกูลวินเชสเตอร์ร่ำรวยกลายเป็นอภิมหาเศรษฐี

 

Url = http://www.clipmass.com/movie/592130971398841

ลูกธนูไม้ ทำเองได้ง่ายจัง

สวัสดีครับ

หลังจาก ชาวธนูของ “ไทยแลนด์เอาท์ดอร์” ได้วิธีการทำธนู Far-tec จากนายเฮลบลูบอย มาลองทำกันเล่นแล้ว ก็มีคำถาม
กลับมาเรื่องลูกธนูว่า จะหาลูกธนูราคาย่อมเยาว์มาใช้ยังไงดี ไหนไหนก็ไหนไหนแล้ว เรามาหาวิธีทำลูกธนูเล่นกันดีกว่า

1. ไม้กลึงกลม ในท้องตลาดของเรา หาได้ที่ร้านขายไม้ ผมหามาได้ที่ร้านขายไม้แถวภูเขาทอง โดยที่จริงแล้วขนาดที่เหมาะ
สมสำหรับคันหนักๆ ควรเป็นขนาด 2 หุนครึ่ง ตัดตามความยาวของดอรว์เรนจ์ ของผม 29 นิ้ว ก็ตัดให้พอดี หรือบวกซัก
ครึ่งนิ้ว เผื่อไว้ได้

2. ขนาดที่วัดได้ 1/4 นิ้ว (สองหุน) เพราะไม้ในท้องตลาด มี 2หุน หรือ 3หุน ไม่มีขนาด สองหุนครึ่ง เล็กหน่อยดีกว่าเพราะ
อะไรติดตามดูครับ

3. เหลาให้แหลมเรียวด้วยกบเหลาดินสอ ถ้าเป็น๓หุน อาจยัดกบไม่ลง

4. ไม่ต้องแหลมมากเพราะเราจะเข้าน็อคท้ายลูก

arrow002
arrow003
arrow004
arrow005
5. มาว่ากันเรื่องครีบหาง หรือปีกธนู นำสติกเกอร์แบบ PVC(พลาสติค) สีที่ชอบ ขนาด 2×6 นิ้ว

6. นำมาติดที่หางธนู ห่างจากท้ายราว 1 นิ้ว

7. จีบให้เป็นหาง

8. ครบ 3 มุม

arrow006
arrow007
arrow008
9. ทำการจีบให้กาวติดกันเป็นปีกธนู
10. ครบ สามปีก โดยให้แยกกันราว 120 องศา
arrow009
arrow11
11.นำต้นแบบปีก มาทาบชิดด้านหลังเพื่อตัดให้
12.ครบ สามปีก
arrow14
arrow13
arrow15
เอาสติคเกอร์ขนาด 1×5 ซม มาพันด้านหัวปีก ดึงให้แน่นโดยจะพันทับหัวปีกให้ลู่แนบไปกับก้านธนู เพื่อให้ปีกมีการบิดตัว
ให้มีการหมุนของลูกธนู อีกประการหนึ่งคือ เมื่อยิงทะลุมุดเป้า ปีกจะได้ม้วนตัวราบไปได้โดยไม่ชำรุดเสียหาย
arrow16
arrow18
arrow19
มองจากท้ายลูกจะเห็นการบิดตัวของปีก

นำเอากาวทาท้ายลูกเพื่อใส่น็อค

arrow21
arrow22
เอาน็อค ใส่ท้ายลูก เป็นน๊อคขนาดเล็ก หาได้ที่สมาคมธนู ราคา 6 บาท ปาดกาวให้เรียบร้อย
arrow23
arrow25
arrow24
มาถึงหัวธนู จะเหลาด้วยกบให้แหลมแล้วยิงก็ได้แต่จะไม่ทนทานเท่าไร แถมบาลานส์ไม่ค่อยดี

ท่อน้ำยาแอร์ขนาด สองหุนครึ่งอย่างบาง ตัดออกมาความยาว 3 ซม.
สอดเหล็กเรียวปลายแบบเหล็กส่งหรือเหล็กนำศูนย์เข้าไปแล้วบีบ ๆ ๆ

arrow26
arrow27
บีบให้เข้ารูปให้แบนๆ และเหมาะกับก้านที่จะเหลาเรียว
arrow28
arrow29
ตะไบส่วนที่ไม่ต้องการออกให้แหลมตามต้องการ
ใช้หัวแร้งไฟฟ้า เชื่อมให้ทองแดงติดกันแน่นหนา แล้วตบแต่งอีกครั้ง
arrow30
arrow31
ตบแต่งแล้ว อุ่นหัวอีกครั้ง หยอดกาวร้อนเข้าไป ที่ใช้กาวร้อนเพราะมันจะแทรกซึ่มซาบซ่านไปทั้งหัวธนู แถมเวลาชำรุด
ในสนามก็ถอดมาซ่อมง่ายๆได้ด้วยไฟแช็คลนๆเอาก็พอ
arrow32
arrow33
สวมปลายก้านที่เหลาเรียวเหมือนด้านท้าย แล้วอัดให้แน่น ปล่อยให้กาวล้นออกมาแล้วปาดให้เรียบร้อย
arrow34
นำเหล็กแหลม ตะปู หรือเหล็กส่ง ตอกย้ำให้เป็นหลุมทั้งสองด้านเพื่อยึดให้แน่นกับก้านไม้ เวลาดึงออกจากเป้าหัวจะได้ไม่
หลุดออกมาง่าย
arrow37
arrow38
ธนูครบชุดเสร็จสิ้น อาจลงแล็คเกอร์พ่นเพื่อให้เรียบและเก็บเสี้ยนไม้ให้สวยงามได้
ธนูที่ทดลองตั้งแต่ ไม้ไผ่ 20 lb จนถึง รีคอร์ฟ 25/30 ปอนด์ ยิงได้อย่างแม่นยำพอตัว
arrow44
arrow48
arrow52
สรุปราคาในการทำลูกธนู เพื่อ Far-Tec

ไม้เต็งกลึง ขนาดสองหุน เส้นละ 10 บาท
หัวทองแดงจากท่อแอร์ วัสดุราคา 4 บาท
หางสติกเกอร์ 2 บาท (ถ้าเป็นยางของจริง ปีกละ 6 บาท)
น็อค 6 บาท ทำเองลำบาก(แต่ก็มีวิธีทำครับ)

รวม 22 บาท ไม่รวมค่าแรง เครื่องมือที่มีอยู่แล้ว และกาวนิดหน่อยครับ

หวังว่านักประดิษฐ์ทั้งหลายคงจะได้แนวคิดและคงทำมาเล่นกันเพื่อความสนุกสนานครับ

แล้วพบกันครับ

Url = http://www.google.co.th/#hl=th&tbo=d&sclient=psy-ab&q=%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5+%E0%B8%97%E0%B9%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%98%E0%B8%99%E0%B8%B9&oq=%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5+%E0%B8%97%E0%B9%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%98%E0%B8%99%E0%B8%B9&gs_l=serp.3..0i30.234068.234760.4.234975.3.3.0.0.0.0.111.316.0j3.3.0…0.0…1c.1.3.psy-ab.cTIuUfsuPXo&pbx=1&bav=on.2,or.r_gc.r_pw.r_qf.&fp=d2187d043a5705a2&biw=1366&bih=596

การทำธนูไม้ไผ่ โดยน้าพจน์

จะมาเล่าเรื่องการทำธนูนะครับ  ด้วยวัสดุที่หาง่ายเช่นไม้ไผ่

อย่าไปตัดมันทิ่ง หลายเด้อไม้ไผ่คนไทยเฮาเอ้ย

มีประโยชน์เหลือหลาย   เฮ็ดหยังกะได้ เฮ็ดธนูกะได้

หลายประเทศครับที่ทำธนูด้วยไม้ไผ่   หรือเอาไม้ไผ่เป็น

ส่วนประกอบของคันธนู  ประเทศ   ภูฏาน  เกาหลี  จีน

ประเทศภูฏาน   กีใยงธนูเป็นกีฬาประจำชาติเลยละครับพี่น้อง

แถมยิงไกลอีกตะหาก    ตั้ง145   เมตร   โห ยิงได้ไกลขนาดนั้นเลยหรอ

ธนูไม้ไผ่นี่นะ   จริงครับ  แถมลุกธนุก็ทำด้วยไม้ไผ่นี่แหละครับ

แล้วเป้าก็เล้กๆ  เส้นศูนย์กลาง  เพียง 8  นิ้วเอง  แล้วยิงถูกได้งัย

มาดูกันครับ


จะทำแบบคันนี้ครับ

ประวัติ พอสังเขบ

อายุ42ปี 8 เดือน4วัน

เริ่มศึกษา ธนู จากอินเทอเน็ตของ  อ. เป้ก จากบอดร์รอบกองไฟเมื่อประมาณ ปี 2548

และอีกหลายต่อหลายเวบ

ทำธนุคันแรก ด้วยไม้ไผ่  ยิงได้ไกลสัก30เมตร ดีใจหลาย(  ธนูยังเก็บไว้)

แล้วก็ ประบปรุงอีกหลายรูปแบบธนูไม้ไผ่  แต่ก้คงไว้กับเทคนิกการหันด้านผิวไม้ไผ่

ปี2549  ทำธนู ด้วยไม้ประดู่ แบบธนูยาว และแบบรีเคริฟแบบถอดประกอบ

ปี2550   ทำธนูไม้ประดู่แบบ ขนมชั้น  ดัดโค้ง

ปี 2551   ทำธนูไม้ประดู่  แบบ โรบินฮู้ด   แบบ  Flat bow  อินเดียแดงและทำธนูแบบท้องปลิง

แบบท้องปลิง  คือคันหน้าไม้โบราณ  มาโม ขยายความยาว  เท่าคันธนู เครดิต พ่อคำหวา สอนพิมพ์

จาก จ. สกลนคร

ปี 2552-2553  ทำธนู ด้วยไม้ หยี    ทำด้วยไม้ลาน         รวมๆจำนวนที่ทำมาทั้งหมด ประมาณ 400 คันครับทั้ง

ขายบ้าง  แจกบ้าง  ทำหักบ้าง  ปล. ในรูปนี้ไม่ใช่ผมนะครับ  เป็นรุปการแข่งยิงธนุจาก  ภูฏาน


อาการดีใจหลังยิง น่าจะเข้าเป้าครับ

ไม้ไผ่ในบ้านเราที่เคยเอามาทำธนู  มีไม้ไผ่เลี้ยง  บางที่อาจเรียก ไม้เซียงไพ

ไม้ไผ่บ้าน  ที่ลำใหญ่ๆปกติพ่อเฒ่าพ่อแก่ จะนิยมมาจักสานอันนี้ก็ทำธนูได้เหมือน  แต่เป็นรองไม้ไผ่เลี้ยง

ไม้ไผ่ตง  ก็ทำได้ดีครับเป็นรองไม้ไผ่เลี้ยงนิดๆ

ไม้ไผ่เลี้ยง  เรียบแบบที่เคยดีกว่า   ท่านใดไม่รุ้จัก  แต่เคยเห็น หรือเรียกชื่อไม่ถูก

คือไม้ไผ่ที่เค้านำมาทำ  โตะ  เก้าอี้หรือบันใดยาวๆนั่นแหละครับ


2คันล่างก็เป็นธนูที่ทำด้วยไม้ไผ่เช่นกัน    เป็นรูปงานเก่าครับเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน

ส่วนธนู  โรบินฮู้ด  ธนูอินเดียแดง  ธนูไม้ลาน  ธนูหลังม้า    ถ้ามีนักเรียนพอเข้าเรียนได้จะจัดไปในรอบต่อไปคับ


ไปตัดไม้ไผ่กันเถอะ  กอขาวมือ ข้างโอ่งน้ำนะครับ ไม้ไผ่เลี้ยง

อีกกอไผ่ด้ามขวานไม่ค่อยดี  เท่าไรนำมาทำธนู


ไผ่ลำนี้  แก่ๆออกเหลืองเชียว  ตัดๆ  ด้วยขวาน

ดึงลง  ตัดปลายออก  ด้วยคุณ เหน็บ

ตัดตอนพักเที่ยง แดดร้อนเข้าร่มดีกว่า   ตัดส่วนที่ปล้องถี่ๆออกประมาณ3-4ป

อ้ง           ถัดไปข้างๆ   Handle   หรือด้ามจับคันธนู  traditional  ไม้ลาน   ทำจากไม้ประดู่ครับ

ลงน้ำมันเอาไว้ยังไม่ได้ประกอบร่างเลย  จะนำมาเสนอในตอนต่อไปครับ


วัดส่วนที่จะนำมาทำ   100-120  ซม.

เลื่อยตัดออก ส่วนปลายตัดเหนือข้อขึ้นไปประมาณ  1 นิ้วเรียกว่าตัดขังข้อ แถวบ้านเรียกแบบนี้ครับ

ที่ตัดขังข้อ ช่วยให้ส่วนที่ทำปลายธนู    หลังทำร่องแล้ว ปลายจะป้องกันการ แตกได้ดี


ผ่าๆๆ    จัดข้อไม้   ตาไม้อยู่แนวคมมีดทั้งสองด้าน   ผ่าผิดทำได้ไม่ดี  ไม้จะอ่อนแอตรงตาไม้  หักงาย

ไม้  1  ท่อน  ทำธนุได้ 1  คัน  ไม้สด  ไม้แห้งก็ทำได้ครับ   ไม่สดอาจบิดงอ ตอนแห้ง

ไม้แห้งแล้ว   ไม่บิดงอ  แต่แห้งมากก็หักนะครับ     สูตรทำแบบรีบด่วน   ถ้าจะดีจริงๆ

ไม้ไผ่ต้องนำไปแช่น้ำ   3-6  เดือน  ตากลมอีกเป็นเดือน จึงนำมาทำ ไม้จะเหนียวดี  มอดไม่กิน

หรือจะนำไปย่างไฟไว้ก้ได้


สับๆถากๆ  จากโคนไม้  ลงมาที่ปลายเอาด้านท้องไม้ไผ่ออกนิดหน่อย   ข้อควรระวัง  รอยมีดอาจทำไห้คันธนุหักตอนใช้งาน   ต้องนิ่มๆเนียนๆ  หรือจะขัดด้วยกระดาษทรายหยาบๆไม่ว่ากันกาแฟก่อนนะครับเดี๋ยวมา

สับๆถากด้านข้างไม้ออก   ให้เรียวไปปลายไม้

โคนไม้ไผ่  เหลือประมาณ 1 นิ้วเอาออกเพียงด้านข้างของไม้

ส่วยปลายไม้ครับ  ครึ่งนิ้ว

กลางคันธนู  มุมรุปไม่ชัดเจน   วัดจากโคนไม้เข้ามา  5 นิ้ว ขีดเส้นทั้งสองชิ้น  เวลาวางไม้

ทาบกัน ก็เอาเส้นไว้ตรงกันรวบจุดทาบไม้ประมาณ10-12  นิ้ว


เส้นยางในรถ มอเตอร์ไซค์เก่าๆผ่าเส้นเล้ก  นำมาใช้งานมัดติดกันไว้ก่อน

มัดทาบ  แล้วเล้งดูความตรง  จัดไห้ตรงมัดด้วยยาง  จัดง่ายดี


สว่าน 2 หุนเจาะ  อย่าขอบมากเดี๋ยวแตก  เจาะ 3 รู

ตอกหมุดไม้  เสร็จก้แก้ยางรัดออก

ตัดหมุดไม้ส่วนที่เกินออก

เก็บงานหมุด

พันด้วยเชือก  ในล่อน  ใช้เบอร์ 15  สีแดงไม่มีขายครับ  ย้อมเอง   อีกปมเชือก มัดติดเสาไว้

อีกปมเชือก  พันด้ามธนู  บิดให้เชือกพันด้ามพันเข้าเรื่อยๆ  แบบนี้น้ำหนักดึงเชือกจะเท่าหรือไกล้เคียงกัน  ส่วนการพันแบบเก็บปมเชือก    ถ้าพันแบบนี้ยังไม่เป้นก้พันแบบไหนก็ได้  แล้วแต่ถนัด  และความสวยงามขอให้แน่นพอได้

เหน็บน้อย เหล้ก ตลับลุกปืน  เอาไว้เก้บงานเล้กๆเล่มนี้ใช้ประจำ เหน็บเอวตลอดเวลาทำงาน ฝีกหนังดิบๆ

พัน3ช่วงของด้ามจับครับ   รูปมีแค่นี้ครับ  เย็นออกเวรเดี๋ยวไปทำร่องที่ปลายคัน  ทำสาย  วินวดคันก่อนขึ้นสายธนู  ก้พร้อมยิงแล้วครับ   ออยังๆๆๆยังไม่ได้ปรับความออ่นแข็งของปีกทั้ง2ข้างเลย   โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณมากครับที่เข้ามาชม


สายพร้อม   สวมๆๆๆ

บ่วงใหญ่  สวมลึก


บ่วงเล็กสวมแค่ลงร่องพอ   หุหุหุ

สวมอีกสาย

สวมสายเขียวอีกข้าง

นวดคลายเครียด  จำเป็นอย่างมาก ก่อนขึ้นสายธนู  และก่อนจะยิงธนู

นวดไม่พอ  หักครับ

สายเขียว จะสวมอยุ่ร่องนอก   สายธนูจะสวมอยุร่องในเมื่อขึ้นสายแล้ว

นวดๆๆๆ   เท้าเดียวหรือสองเท้าก็ได้   เหยียบสายเขียวตรงกลาง

มือจับกลางคัน  ดึงขึ้น   คลายลง  อย่าดึงขึ้นมากละ    หักนะ  หุหุหุ

นวด  10-20ครั้ง


นวดแล้วรุดครับ(สาย)รูดสายลงร่องครับ

ถอกสายเขียวออก

ขึ้นสายเรียบร้อย

นวดอีก สัก5-10ครั้ง


ขีดเส้นกลางคันธนู

วัดความยาวแล้วแบ่งครึ่ง  วัดตอนยังไม่ขึ้นสายนะครับ

เส้นตรงคือกลางคัน    วัดเหนือจากเส้นตรง   1.25 นิ้ว

คือจุดที่วางลุกธนุ  เส้นโค้งครับ


มาร์ค  ที่สายธนู ไว้ป็นจุดเสียบลูกธนู

โดยทดลอง  เอาลุกธนูวางพาดตรงเส้นที่คัน

แล้วเสียบหางลุกธนุที่สาย   ดูมุมของสายกับลุกธนู  ถ้าฉาก  ก็โอแล้วครับ

ผมไม่เคยวัด  กะๆด้วยการมอง  แต่ก็โอ ครับ


ยังไม่มีลุกธนู

ปลดสายลงไว้ก่อนเนอะ  เดี๋ยวคันธนุจะแรงตก

วิธีปลดสาย  ลง

เอาสายเขียวมาสวมร่องนอก

สวมทั้งสองด้าน  สายจะหยอ่นๆหน่อย

เหยียบตรงกลางสายเขียว

จับดึงคันขึ้น

รูดสายลง(ด้านบ่วงใหญ่)

ปลกสายเขียวออก

เก็บดีๆเน้อ  มอดจะแอบกิน

แต่ไม้ผมทำคันนี้อายุมากกว่า10ปีครับ  เส้นไม้ออกเข้มๆแล้ว

Winchester m1887 Cowboy gun

M1887

ปินสมัยคาวบอย ที่ใช้ปราบจราจรใน ยุกตะวันตก และเป็นปืนยีห้อดังของ Winchester นามของปืนผีสิง ปืนนี้คือคานเหวี่ยง หรือ ลูกซองคานเหวี่ยง เป็นปืนที่คลาสสิค สุดๆ ซึ้งสมัยนั้นรู้จักกันดียิ้ง ตัวปืนสามารถ บรรจุได้ 5+1นัด แต่สมัยนี้ในเมืองไทยแทบจะหาไม่ได้

คลิปจาก youtube  http://www.youtube.com/watch?v=gvqysVhalow

การทำหมื่อ(ดินปืน)


หมื่อหรือดินปืน เป็นสิงจำเป็นกับวิถีชิวิตของคนอิสานสมัยก่อน เพราะเป็นต้องใช้ในการล่าสัตว์หาแนวอยู่แนวกิน(ใช้ร่วมกับปืนแก๊ป) มื้อนี้กะเลยนำเสนอวิธีการเฮ็ดหมื่ออันนี้เป็นสูตรของเฒ่าพ่อผม ผุได๋มีสูตรเด็ดๆกะเอามาเผยแพร่แหน่เด้อครับ อ้ายทิดศรีมีสูรเด็ดบ่

ขั้นตอนการทำหมื่อ

- เตรียมหาไม้มาเฮ็ดฟืน สูตรเฒ่าพ่อเพิ่นใช้ต้นหมากพริก เพิ่นบอกว่าสิเฮ็ดให้หมื่อแฮง

- เอาต้นหมากพริกไปตากแดดให้แห้ง

- ขุดหลุม ขนาดให้พอดีกับไม้ที่เฮาเอามาเฮ็ดฟืน เสร็จแล้วเฮากะเอาไม้หมากพริกวางลงในหลุม (หักต้นหมากพริกเป็นท่อนก่อนเด้อ)

- พอวางเสร็จแล้วเฮากะเอาไฟมาจูด คือเผาถ่านนี่หละ

- พอไม้หมากพริกไม้จนสุดแล้ว ให้เอาแนวมาวี (พัด) จนถ่านปลายถ่านมันซ้วย แล้วเฮากะเอาใบตองกล้วยมาปิดปากหลุมแล้วกะเอาดินมาถมไว้อีกที

- ในขณะที่เฮารอให้ถ่านมอด เฮากะเอา กำมะถันมา(มาด)ตำให้ละเอียด กะเอาพอประมาณ

- กะว่าถ่านมอดเบิ้ดแล้วเฮากะเอาถ่านมาผึ่งให้เย็น

- ที่นี้เฮากะมาเตรียมคั่วดินประสิว(ขี้เจีย) โดยต้มน้ำให้เดือด แล้วกะเอาขี้เจียลงไปพอขี้เจียละลายเฮากะเอาถ่านมาคั่วรวมกัน คั่วไปจนกั่วน้ำสิแห้งพอได้ที่แล้วเฮากะเอามาผึ่งไว้ (อัตราส่วนระหว่างถ่านกับขี้เจียกะคือ 4 ต่อ1 หรือ 3ต่อ1 เด้อครับ)

- เสร็จแล้วเฮากะเอาถ่านมาตำให้ละเอียดที่สุด ในขั้นตอนนี้ให้เอาหมื่อมาลองเรื่อยๆโดยแบ่งมาตากแดดจักน่อย แล้วเฮากะมาจุดเบิ่ง โดยจุดใส่กระดาษ ถ้าจุดแล้วกระดาษบ่ไหม้ถือว่าใช้ได้ ถ้าไหม้กะแสดงว่าถ่านยังบ่ละเอียดพอให้ตำและลองไปเรื่อยๆ จนกว่าสิได้ที่

- พอตำได้ที่แล้วเฮากะเอาไปตากแดด พอแห้งแล้วเอากะเอาขวดมาบดให้ละเอียด เอาแหยงเขียวมาร่อน

- พอร่อนเสร็จแล้วเฮากะเก็บใส่สะเนง สูตรนี้แจ่มคัก 8)8)8)

วิธีบรรจุกระสุนปืน ทำโดย เทหมื่อปืนประมาณ 1 สัดลงไป ยัดเศษกาบมะพร้าวตอกลงไปให้แน่น เทลูกตะกั่วลงไปตามจำนวนที่ต้องการจากนั้น ยัดเศษกาบมะพร้าวลงไปใช้เหล็กแหลมดันลงไปให้แน่น จึงขึ้นนกบรรจุแก็ป เมื่อสับไกปืน นกสับจะจุดระเบิดแก๊ปเป็นประกายไฟ ไปจุดระเบิดลูกปืนในกระบอกให้วิ่งออกไปทันที (ขึ้นอยู่กับว่าเฮาสิไปยิงอิหยังเพิ่มหรือลดตามสถาณะการณ์ครับ)


Url=http://www.baanmaha.com/community/thread7818.html

Video youtube=http://www.youtube.com/watch?v=gka91-NanfE

Coach gun ปืนลูกซอง แฝด

เป็นปืนคลาสสิก สมัยรคาวบอย ซึ้งบรรจุได้ 2 นัด (บ้านเราเรียกลูกซองผู้ใหญ่บ้าน) ถ้าเป็นนกนอกจะให้ความปลอดภัยสูง ไม่เสียงต่อการรั้น เพราะต้องขึ้นนกก่อนทุกครัง แต่ขอเสียคือ บรรจุกระสุนได้ 2 นัด ซึ้งน้อยมาก แต่ประหยัดดี เป็นปืนที่ผมชอบมากกระบอก 1 แบะต้องการที่จะได้มา เป็นเจ้าของ ขอดีข้องมันอีกข้อคือ ถ้าไม่แน่นอนจริงๆ จะไม่ยิง ซึ้งเปลี่ยบกับ ลูกซอง ปัจจุบัน 5 นัด เราจะยิงมั้ว ซึ้งไม่ค่อยจะประหยัดกระสุนเท่าไหล่ ปืนนี้เป็นปืนที่ประหยัดเป็นอย่างมาก สำหรับคนชอบ ของเก่า (Classic)

ลิ้งที่ฝรั่งเค้าคุยกัน = http://jef-and-son.frbb.net/t86-je-recherche-coach-gun-trouve

ลิ้งใน youyube = http://www.youtube.com/watch?v=XpDL2dadvmc

ลดน้ำหนักด้วยกล้วยมื้อเช้า ง่ายและได้ผลจริง

หลายคนสงสัยว่า กล้วยช่วยลดน้ำหนัก ลดความอ้วนได้อย่างไร คุณเชื่อหรือไม่ว่ากล้วยสามารถช่วยลดน้ำหนัก ลดความอ้วนได้จริง มีผู้คนมากมายทั่วโลกที่ใช้วิธีการลดน้ำหนักด้วยการทานกล้วยในมื้อเช้า หลายคนเคยไดเอ็ท อดอาหาร ตามสูตรควบคุมน้ำหนักต่างๆ ซึ่งต้องใช้ความอดทน อีกทั้งบางครั้งยังสร้างความเครียดให้เราอีกด้วย พยายามไดเอ็ทหลายวิธีก็ไม่ผอมลงสักที งั้นลองหยิบ “กล้วย” ใบน้อย มาเติมพลังให้เช้าวันใหม่ สำหรับการไดเอ็ทด้วยการทานกล้วยในมื้อเช้านี้ เป็นวิธีที่แสนง่าย แต่ได้ผล อยากให้ทุกท่านลองนำไปปฏิบัติกัน

กินกล้วยแล้วได้อะไร? 

สารอาหารที่ได้จากกล้วยได้แก่
1. วิตามินบี1 และบี 2 เร่งการเผาผลาญน้ำตาลและไขมัน ป้องกันตัวบวม และฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้า
2. เกลือแร่ เช่น โปรแตสเซียม ช่วยในการขับโซเดียมออกทางปัสสาวะ และแมกนีเซียม ช่วยควบคุมความดันเลือด และการทำงานของแคลเซียม
3. มีเส้นใยอาหาร (fiber) บรรเทาอาการท้องผูกได้ดี
4. กล้วยยังมีฤทธิ์ในการขับพิษสูง เพราะแป้งในกล้วยดิบจะช่วยดีท็อกซ์ ส่วนกล้วยสุกช่วยเสริมภูมิต้านทานป้องกันหวัดได้ดี
5. สารโพลีฟินอล มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ทำหน้าที่ชะลอความแก่
6. สารยูจินอล ซึ่งเป็นไฟโตเคมีคัล ที่ช่วยเร่งการพัฒนาสภาพร่างกาย
7. เซโรโทนิน ช่วยลดอาการหงุดหงิด และทำให้ความอยากอาหารลดลง
8. ในเนื้อกล้วยเองมีเอ็นไซม์ช่วยย่อย ก็จะทำให้การย่อยเป็นไปอย่างราบรื่น
9. น้ำตาลในกล้วย ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้มีสมาธิกับการทำงานมากขึ้น และส่งผลให้ความถี่และปริมาณการบริโภคน้ำตาลในระหว่างวันลดลงไปโดยปริยาย
10. มีผลวิจัยว่ากล้วยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ NK ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่จัดการมะเร็งได้ด้วย

ลดน้ำหนักด้วยกล้วยมื้อเช้า

วิธีปฏิบัติ

1. เริ่มจากกินกล้วยหอมอย่างเดียวในมื้อเช้า จะกี่ลูกก็ได้ตามต้องการ เคี้ยวให้ละเอียด หลังจากกินเสร็จแล้วยังหิวอยู่ ให้เว้นระยะเวลา 15-30 นาที จึงรับประทานอย่างอื่น เช่น ข้าว เป็นต้น ถ้าวันไหนเบื่อกล้วย หรือไม่ชอบกล้วยหอมจริงๆ จะเปลี่ยนเป็นผลไม้ชนิดอื่นก็ได้ เช่น แอ๊ปเปิ้ล แคนตาลูป หรือแตงโม เป็นต้น แต่ขอให้เป็นผลไม้ชนิดเดียวเท่านั้น เพื่อแบ่งเบาภาระของกระเพาะของเราไม่ให้เหนื่อยเกินไปที่จะผลิตน้ำย่อยกรดด่างต่างกัน
2. เครื่องดื่มที่ดื่มควบคู่กับกล้วยหอมตอนเช้าคือน้ำเปล่าที่อุณหภูมิห้อง และดื่มบ่อยๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องปริมาณ
3. ส่วนมื้อกลางวัน จะกินอะไรก็ได้ แต่ต้องเคี้ยวให้ละเอียด กินให้พอเหมาะและไม่อึดอัดท้องจนเกินไป
4. พอถึงบ่ายสามก็กินของว่างได้บ้าง โดยเฉพาะของว่างประเภทข้าว ช็อกโกแลต หรือผลไม้ชนิดใดชนิดหนึ่งเท่านั้น
5. กินอาหารเย็นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเวลาเหมาะสมจะอยู่ที่ 6 โมงเย็นแต่ไม่เกิน 2 ทุ่ม และพยายามกินให้เร็วขึ้นจากปัจจุบันสักครึ่งชั่วโมง รวมทั้งไม่รับประทานของหวานหลังอาหารเย็นด้วย ซึ่งการกินข้าวเย็นแต่เร็ววัน ถึงแม้จะกินเยอะก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด
6. นอนหลับให้ไวขึ้น ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องนอนก่อนเที่ยงคืนให้ได้ พยายามนอนก่อนเที่ยงคืนให้เป็นนิสัย เพื่อฟื้นฟูร่างกายขณะหลับ กำจัดความเหนื่อยล้าซึ่งจะทำให้ร่างกายอยู่ในสภาพผอมได้ง่าย
7. ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายที่ไม่หักโหมจนเกินไป ทำให้พอเหมาะ เพื่อร่างกายสดชื่น การออกกำลังกายอย่าหักโหมจนรู้สึกทรมาน การไดเอ็ทจะไม่ได้ผล
8.จดบันทึกไดเอ็ทไดอารี่ให้เป็นนิสัย และเปิดเผยให้คนอื่นอ่านด้วย เป็นบ่อเกิดแห่งกำลังใจอย่างหนึ่ง

กินกล้วยหอม 2-4 ผล พร้อมกับน้ำในอุณหภูมิห้องในมื้อเช้า สูตรลดน้ำหนักสุดฮิต ที่สาวหนุ่มแดนซากุระแห่ทำตามจนแทบแย่งชิงกันเพื่อให้ได้กล้วยหอมมาครอบครอง หวังลดน้ำหนักได้เพรียวกันถ้วนหน้า ที่มาที่ไปของสูตรลดความอ้วนด้วยกล้วยนั้น มาจากเภสัชกรนางหนึ่ง ได้คิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยเพิ่มการเผาผลาญอาหารให้กับสามีที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน ผลจากสูตรนี้ทำให้ลดน้ำหนักลงได้ถึง 16.6 กิโลกรัม เธอจึงแนะนำสูตรนี้ลงบน MIXI ชุมชนออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งภายในเวลาสองปีครึ่งที่ผ่านมา พบว่า สมาชิกชุมชนประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักถึง 300 คนแล้ว หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีการนำมาตีพิมพ์เป็นหนังสือ และมียอดขายถล่มทลายขายเกิน 1 ล้านเล่มในญี่ปุ่น อีกทั้งยังได้รับการแปลในหลายภาษา

ที่มา: หนังสือ “Asa Banana Diet” โดย “ฮามาจิ” เว็บไซต์ www.asabanana.net